มาดูกันว่าการซื้อขายหุ้นคืออะไรและการซื้อขาย CFD ทำอย่างไร

โดย Katerina Parpa
ผู้สื่อข่าวด้านการเงิน
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ
แชร์
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นและเรียนรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมตลาดหุ้น ในแต่ละปีมีมือใหม่สนใจเข้ามาซื้อขายในตลาดหลายล้านราย แต่หลายคนไม่ทราบศักยภาพในการซื้อขายของตนเนื่องจากขาดความรู้และการชี้แนะ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ตั้งใจเรียนรู้และพัฒนาความสามารถจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับตลาดได้ดีขึ้นและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
การซื้อขายหุ้นไม่ใช่เรื่องง่ายและจำเป็นต้องอาศัยการวางแผนที่ดีและความเข้าใจในกลไกของตลาดจึงจะประสบความสำเร็จ คุณควรสร้างความรู้ที่แข็งแกร่งและพัฒนาความสามารถในการเทรดด้วยความมั่นใจและความเข้าใจลึกซึ้ง แทนที่จะตามหาสูตรลัดและคำสัญญาจากผู้ที่อ้างว่ามีความรู้และประสบการณ์สูงในการลงทุน
คู่มือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยขจัดความสับสนในกระบวนการซื้อขายหุ้น โดยอธิบายความแตกต่างระหว่างการเทรดหุ้นกับการซื้อหุ้น รวมถึงการทำงานของตลาดหุ้น เครื่องมือ และกลยุทธ์ที่สามารถช่วยให้คุณตัดสินใจจากข้อมูลสำคัญ
การซื้อขาย CFD ของหุ้นคืออะไร?
โดยหลักแล้ว การซื้อขาย CFD ของหุ้น(สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) เป็นการซื้อและขายสัญญาตามผลการดำเนินงานของหุ้นโดยไม่ต้องถือครองหรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้น การซื้อขายลักษณะนี้เป็นการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ซึ่งมีการซื้อและขาย CFD โดยอาศัยการเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอนาคต ไม่เหมือนกับการซื้อขายหุ้นแบบเดิมที่เป็นการซื้อและถือหุ้นผ่านตลาดหุ้น แต่การซื้อขาย CFD เราสามารถเข้าและออกจากสถานะได้รวดเร็วทำให้สามารถคว้าโอกาสในการทำกำไรได้มากขึ้นทั้งในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง
ในการเข้าซื้อขาย CFD ของหุ้น อันดับแรกจะต้องเปิดบัญชีกับบริษัทโบรกเกอร์ที่ให้บริการ CFD เสียก่อน เมื่อเปิดบัญชีแล้วเทรดเดอร์จึงจะสามารถซื้อและขาย CFD ในหุ้นของบริษัทต่าง โดยอาศัยความผันผวนของตลาดเป็นโอกาส กลยุทธ์การซื้อขายแบบนี้เป็นวิธีการที่น่าสนใจโดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการกำไรในระยะสั้นๆ ช่วยให้นักเทรดสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อเพิ่มขนาดการเทรดและมีโอกาสในการเพิ่มผลกำไร อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า เลเวอเรจที่เพิ่มขึ้นย่อมทำให้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้มากขึ้น ดังนั้น การทำความเข้าใจตลาดและการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ CFD
รูปแบบในการซื้อขาย CFD ของหุ้น
ในการซื้อขาย CFD ของหุ้น สิ่งสำคัญคือจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อขายในรูปแบบต่างๆ แต่ละรูปแบบต้องการระดับการมีส่วนร่วมในตลาดที่แตกต่างกัน และตอบสนองความต้องการความเสี่ยงและรูปแบบการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ไม่ว่าคุณต้องการเทรดระยะสั้นหรือลงทุนในระยะยาวก็ตาม จำเป็นที่คุณจะต้องดูว่าวิธีการแบบไหนที่ตรงกับเป้าหมายทางการเงินของคุณและคุณสามารถให้เวลากับตลาดได้มากแค่ไหน เราจะพาไปรู้จักกับรูปแบบการซื้อขาย CFD ของหุ้นหลักๆ 3 รูปแบบ ได้แก่ การซื้อขายระยะยาว (Position Trading) การซื้อขายแบบสวิงเทรด (Swing Trading) และการซื้อขายแบบรายวัน (Day Trading)
การซื้อขายหุ้นระยะยาว
Position Trading เป็นกลยุทธ์การซื้อขายระยะยาวสำหรับเทรดเดอร์ที่สามารถเผชิญกับการขึ้นลงของตลาดได้เป็นเดือนๆ หรือเป็นปี วิธีการนี้เป็นการซื้อและขายหุ้นโดยมีเป้าหมายในการทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว เทรดเดอร์ที่ซื้อขายระยะยาว จะไม่ค่อยสนใจกับความผันผวนระยะสั้นๆ แต่จะให้ความสนใจกับโอกาสในการทำกำไรก้อนโตเมื่อเวลาผ่านไป ในการซื้อขายแบบระยะยาว คุณจะเทรดโดยอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดรวมถึงการเคราะห์แนวโน้มตลาดในภาพรวม ถือเป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีเป้าหมายระยะยาวและไม่ต้องการใช้กลยุทธ์อะไรมากในการเทรดในตลาด
การซื้อขายหุ้นแบบสวิงเทรด
Swing Trading เป็นรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรในตลาดในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน เป็นการซื้อและขายหุ้นเพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของระยะในระยะสั้นและระยะกลาง ผู้ที่ใช้วิธีการสวิงเทรด จำเป็นจะต้องจับตาดูแนวโน้มของตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อซื้อในราคาต่ำและขายในราคาที่สูง แม้ว่าวิธีการนี้เราจะไม่ต้องจดจ่อกับแนวโน้มตลาดมากเท่ากับการซื้อขายแบบรายวันก็ตาม แต่เทรดเดอร์แบบสวิงเทรดยังจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการขึ้นลงของตลาดและมีความสามารถในการซื้อหรือขายอย่างรวดเร็วเมื่อมีโอกาส
การซื้อขายหุ้นแบบรายวัน
Day Trading เป็นรูปแบบการซื้อขายที่ใช้กันมากที่สุดแต่ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะหากคุณต้องการลงทุนด้วยความเสี่ยงต่ำและไม่สามารถทุ่มเทเวลาในการวิเคราะห์ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้เป็นการซื้อและขายหุ้นภายในวันซื้อขายเดียวกันโดยหวังผลกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้ที่เทรดแบบรายวันจะต้องคอยจับตาดูตลาดอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากจะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วและมีความมุ่งมั่นอย่างมากในระหว่างช่วงเวลาการซื้อขาย แม้ว่าวิธีนี้จะสามารถทำกำไรได้ แต่ก็มาพร้อมกับความเครียดที่สูงและเหมาะที่สุดกับผู้ที่ชอบทำอะไรด้วยความกระตือรือร้นและว่องไว และสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ดี
ข้อแตกต่างระหว่างการซื้อขาย CFD และการลงทุนหุ้น
การซื้อขาย CFD และการลงทุนในหุ้นนั้นมีข้อแตกต่างหลักๆ อยู่ที่กลยุทธ์และกรอบเวลาในการถือหุ้น ในการเทรด CFD มักจะเป็นการทำธุรกรรมระยะสั้นที่ได้กำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นโดยไม่ต้องถือครองหรือเป็นเจ้าของหุ้นนั้นจริงๆ โดยหลักแล้ว การซื้อขาย CFD เป็นการซื้อและขายสัญญาตามความผันผวนของราคาหุ้น เทรดเดอร์สามารถเก็งกำไรว่ามูลค่าของหุ้นเหล่านั้นจะขึ้นหรือลง การซื้อขายรูปแบบนี้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมหุ้นสามารถซื้อหรือขายหน่วยหุ้นในระยะสั้น และมักใช้ประโยชน์จากเลเวอเรจ ซึ่งสามารถเพิ่มได้ทั้งผลกำไรและขาดทุน
ในทางกลับกัน การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีการระยะยาว นักลงทุนจะซื้อหน่วยหุ้นโดยมีเป้าหมายว่าจะถือไว้เป็นระยะเวลานาน ด้วยหวังว่ามูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นพร้อมกับความสำเร็จของบริษัท การซื้อขายหุ้นเป็นการซื้อหน่วยหุ้นผ่านตลาดหุ้น เช่น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ด้วยหวังว่าราคาของหุ้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและทำกำไรเมื่อขายในอนาคต การลงทุนหุ้นต่างจากการซื้อขาย CFD ตรงที่การลงทุนหุ้นผู้ลงทุนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของสัดส่วนของบริษัท มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลและอาจมีสิทธิ์ในการโหวตอีกด้วย สำหรับมือใหม่ การลงทุนหุ้นอาจเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเพราะเป็นการถือครองสัดส่วนของบริษัทโดยตรงและรอผลตอบแทนที่จะได้จากหน่วยหุ้น ต่างจากการซื้อขาย CFD ที่มีความซับซ้อนกว่าในการเก็งกำไรระยะสั้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กบนถนนวอลล์สตรีท
ข้อดีและความเสี่ยงของการซื้อขาย CFD ของหุ้น
การซื้อขาย CFD มีวิธีการที่ยืดหยุ่นและหลากหลายในการเทรดในตลาดการเงินรวมถึงตลาดหุ้น ในการซื้อขาย CFD นักลงทุนสามารถเก็งกำไรจากการขึ้นหรือลงของราคาในตลาดทั่วโลกที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็วโดยไม่ต้องถือครองหรือเป็นเจ้าของสินทรัพย์ การซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่างนั้นมีข้อดีหลายประการ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่สำคัญที่เทรดเดอร์ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนเริ่มลงทุน การมีความรู้เกี่ยวกับทั้งข้อดีและความเสี่ยงของการซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่างจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและวางแผนกลยุทธ์การเทรดที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ข้อดีของการซื้อขายหุ้น
- เลเวอเรจ: CFD ให้เลเวอเรจที่สูงกว่าการซื้อขายแบบเดิม นั่นหมายความว่านักลงทุนสามารถควบคุมสถานะการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าเงินทุนที่ลงทุนไป ซึ่งอาจนำไปสู่ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
- เข้าถึงตลาดทั่วโลก: สำหรับ CFD คุณสามารถเทรดในตลาดที่หลากหลายรวมถึงหุ้นต่างประเทศได้บนแพลตฟอร์มเดียว
- ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอน: เนื่องจากคุณไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง คุณจึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเทรดลดลง
- สามารถขายได้: CFD อนุญาตให้นักลงทุนสามารถขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ครอบครองจริง ทำให้สามารถทำกำไรได้จากตลาดขาลง
- การป้องกันความเสี่ยง: คุณสามารถใช้ CFD เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ โดยช่วยชดเชยการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนจริงด้วยผลกำไรจากการซื้อขาย CFD
ความเสี่ยงในการซื้อขายหุ้น
- ความผันผวนของตลาด: CFD มีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน และนำไปสู่การขาดทุนจำนวนมาก
- ความเสี่ยงจากการใช้เลเวอเรจ: การใช้เลเวอเรจในการซื้อขาย CFD นั้นสามารถขยายผลตอบแทนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจส่งผลให้เกิดการขาดทุนที่สูงกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้เช่นกัน
- ค่าใช้จ่ายในการถือสถานะข้ามคืน: การถือ CFD ไว้ข้ามคืนจะต้องชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจส่งผลต่อผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว
การวิเคราะห์การซื้อขาย CFD ของหุ้น
การวิเคราะห์การซื้อขายหุ้นเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการตัดสินใจอย่างรอบคอบในตลาดการเงิน ไม่ว่าจะซื้อขายหุ้นโดยตรงหรือผ่าน CFD การทำความเข้าใจความซับซ้อนของตลาดหุ้นสามารถนำไปสู่การซื้อขายที่มีกลยุทธ์มากขึ้นและอาจทำกำไรได้มากขึ้น การวิเคราะห์การซื้อขายหุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองวิธีหลักๆ คือ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้ดีขึ้น โดยการติดตามข่าวสารตลาดหุ้นและใช้กราฟและตัวชี้วัดตลาดแบบเรียลไทม์
การวิเคราะห์ทางเทคนิคจำเป็นต้องใช้เครื่องมือ เช่น กราฟ ตัวบ่งชี้ และออสซิลเลเตอร์ ในขณะที่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับการซื้อขายหุ้นเป็นการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์บริษัท การวิเคราะห์อุตสาหกรรม สภาพเศรษฐกิจมหภาค และแนวโน้มกำไรในอนาคต
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการซื้อขายหุ้น
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นวิธีการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น โดยพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเงิน และปัจจัยอื่นๆ ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณที่เกี่ยวข้อง เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ประเภทนี้ในการซื้อขายหุ้นผ่าน CFD จะมองภาพรวมของเศรษฐกิจ สภาพอุตสาหกรรม สถานะทางการเงิน และการดำเนินการของบริษัท ตัวชี้วัดหลักๆ ที่สำคัญ ได้แก่ รายได้ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ และหนี้สิน นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อตัดสินว่าหุ้นนั้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป การตัดสินใจในการซื้อขายของพวกเขาขึ้นอยู่กับความเชื่อที่ว่า ในที่สุดตลาดหุ้นจะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการซื้อขายหุ้น
การวิเคราะห์ประเภทนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาข้อมูลตลาดในอดีต โดยหลักแล้วผ่านกราฟการซื้อขาย เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต การวิเคราะห์นี้ถือว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้รวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว จึงเน้นไปที่การหากราฟและแนวโน้มต่างๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้รูปแบบและตัวชี้วัดตลาดหุ้นที่หลากหลาย เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ Relative Strength Index (RSI) และแถบโบลินเจอร์ เพื่อทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดยการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและการจดจำรูปแบบ เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจเก็งกำไรในทิศทางของราคาหุ้นเมื่อทำการเทรด CFD ได้
การวิเคราะห์ทั้งสองประเภทมีค่าสำหรับการเทรดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่าน CFD เทรดเดอร์มักใช้การผสมผสานทั้งสองประเภทเพื่อยกระดับกลยุทธ์การเทรด ติดตามข่าวสารตลาดหุ้นและการเปลี่ยนแปลงของกราฟแบบเรียลไทม์ตลอดเวลา เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันในสภาพแวดล้อมการเทรดที่รวดเร็วได้
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
เครื่องมือการซื้อขาย CFD ของหุ้น
หลังจากที่ได้กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว คราวนี้เรามาเจาะลึกถึงการนำไปใช้จริงในการเทรดหุ้นด้วย CFD กัน ส่วนนี้จะเน้นไปที่เครื่องมือการเทรดและเครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆ ที่เทรดเดอร์สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด เราตรวจสอบอินดิเคเตอร์ กราฟ และเครื่องมืออื่นๆ อย่างหลากหลาย ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หรือเพิ่งเริ่มต้น เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้คุณค้นพบโอกาสในการลงทุนและตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม โปรดจำไว้ว่า เครื่องมือเหล่านี้เป็นแค่ตัวช่วยในการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทำตามทุกอย่างที่เครื่องมือบอก ทีนี้เรามาดูกันว่าเครื่องมือแต่ละอย่างที่ใช้ในการเทรดหุ้นว่ามีอะไรบ้าง
รูปแบบกราฟในตลาดหุ้น
ความสามารถในการอ่านรูปแบบกราฟเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต ข้อมูลเหล่านี้ซึ่งจะปรากฏบนกราฟสามารถบอกสัญญาณความต่อเนื่องของแนวโน้มและการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น คุณต้องทำความคุ้นเคยกับรูปแบบทั่วไป เช่น หัวและไหล่ ยอดคู่ และฐานคู่ และสามเหลี่ยม การเรียนรู้รูปแบบกราฟจะช่วยให้คุณคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาด และปรับกลยุทธ์การเทรดของคุณให้สอดคล้องกันได้ดีขึ้น
อินดิเคเตอร์ในตลาดหุ้น
อินดิเคเตอร์การซื้อขายเป็นเครื่องมือสำหรับทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค การคำนวณทางคณิตศาสตร์เหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์เข้าใจแนวโน้มและโมเมนตัมของตลาด อินดิเคเตอร์ที่สำคัญที่สุดบางตัว ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คอนเวอร์เจนซ์ไดเวอร์เจนซ์ (MACD) เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะนำตัวบ่งชี้เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ของคุณ คุณจะสามารถตัดสินใจเทรดได้ดีขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
เทรดเดอร์ทำเงินจากการเทรดหุ้นได้อย่างไร?
เทรดเดอร์หุ้นทำเงินจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น การศึกษารูปแบบกราฟของตลาดหุ้น เพื่อตัดสินใจซื้อขายหุ้นอย่างรอบคอบ เทรดเดอร์จะซื้อเครื่องมือทางการเงินหนึ่งชิ้น แล้วขายต่อในราคาที่สูงขึ้น เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ความสำเร็จในการเทรดมักขึ้นอยู่กับความสามารถในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดอย่างแม่นยำ
เราจะประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้นได้มากแค่ไหน?
การเทรดหุ้นก็คือการซื้อและขายหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การประสบความสำเร็จในการเทรดหุ้นมักต้องอาศัยการวิเคราะห์พื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงแนวโน้มทางสถิติจากกิจกรรมการเทรด เพื่อระบุโอกาสในการทำกำไร ความสำเร็จในการเทรดหุ้นไม่เพียงต้องการเงินทุนที่เพียงพอเท่านั้น แต่ยังต้องลงทุนเวลาอย่างมากในการพัฒนาและปรับปรุงวิธีการเทรดเป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน การเทรดหุ้นสามารถเป็นกิจกรรมที่ท้าทาย และความสำเร็จขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของแต่ละบุคคลในการเรียนรู้และทดสอบกลยุทธ์ รวมถึงการใช้มาตรการบริหารความเสี่ยงและการจัดการจิตวิทยาการเทรด
หุ้นและหน่วยหุ้นเหมือนกันหรือไม่
คำว่าหุ้นและหน่วยหุ้นมักถูกนำมาใช้แทนกันเพื่ออธิบายอิควิตี้ทางการเงินในบริษัทหนึ่งๆ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยคำว่า "หุ้น" มักหมายถึงแนวคิดในภาพกว้างๆ เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของบริษัทหนึ่งแห่งหรือหลายแห่ง ส่วนคำว่า "หน่วยหุ้น" หมายถึงหน่วยของหุ้นในบริษัทหนึ่งๆ ซึ่งทั้งหุ้นและหน่วยหุ้นมีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดสำหรับนักลงทุนในการซื้อและขายหลักทรัพย์ เมื่อตัดสินใจจะซื้อหน่วยหุ้น แปลว่าคุณกำลังจะซื้อความเป็นเจ้าของบางส่วนในบริษัทนั้น ซึ่งคุณอาจมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งจากรายได้และสินทรัพย์ของบริษัทดังกล่าว
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาของหุ้น
ราคาของหุ้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยหลักแล้วจะกำหนดตามสมดุลของอุปสงค์และอุปทานของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หากมีนักลงทุนต้องการซื้อหุ้นมากกว่าขาย ราคาก็มักจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยินดีจะจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์มาครอบครอง ในทางตรงกันข้าม หากมีนักลงทุนพยายามจะขายหุ้นมากกว่าซื้อ ราคาหุ้นก็มักจะตกลง จำนวนหน่วยหุ้นที่เปิดให้ซื้อขายสำหรับหุ้นหนึ่งๆ สามารถส่งผลกระทบต่อความสมดุลดังกล่าว ยิ่งอุปทานในหน่วยหุ้นมีมาก ก็อาจทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาลดน้อยลงหรือมีแนวโน้มราคาขาลงรุนแรงขึ้น นอกจากนั้น ปัจจัยภายนอก อาทิ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ผลประกอบการของบริษัท เหตุการณ์ข่าวสารที่สำคัญ ความเชื่อมั่นของตลาด และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ก็อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลต่อเนื่องถึงราคาหุ้น
กลยุทธ์การเทรดหุ้นที่ดีสำหรับมือใหม่
กลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ คือการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อน (SMA) ที่ 20 วัน และ 50 วัน เพื่อระบุแนวโน้มที่ชัดเจน และสร้างสัญญาณการซื้อขายที่เข้าใจง่าย เทรดเดอร์มือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยการเทรดแบบสวิงเทรด ซึ่งเป็นการเทรดในจังหวะที่ไม่เร่งรีบมากนัก และสามารถใช้กราฟหุ้นแบบเรียลไทม์และตัวบ่งชี้ทางเทคนิคต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ การใช้คำสั่ง Stop Loss นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับมือใหม่ การสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการเลือกหุ้นรายตัว นอกจากนี้ ควรเตรียมตัวสำหรับช่วงขาลงของตลาด และพิจารณาใช้บัญชีทดลองในการซื้อขายเพื่อฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริงก่อนที่จะใช้เงินจริง จำไว้ว่าควรยึดมั่นกับกลยุทธ์ระยะยาวของคุณ เริ่มต้นเมื่อคุณพร้อม และคิดให้รอบคอบมากๆ เกี่ยวกับการเทรดระยะสั้น เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งในตลาดหุ้น
วิธีเริ่มต้นการเทรดหุ้นด้วย CFD
การเรียนรู้วิธีการเทรดหุ้นด้วย CFD เป็นวิธีที่จะช่วยในการสร้างชุดเครื่องมือและกลยุทธ์การซื้อขายที่ดีและการเลือกแพลตฟอร์มและแอปการซื้อขายทางออนไลน์ให้เหมาะสมสอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการในการเทรดของคุณ
Exness เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเทรด CFD เพราะ Exness โดดเด่นในวงการเทรด ด้วยค่าคอมมิชชั่นในการเทรดหุ้นเป็นศูนย์ และความสามารถในการกระจายความเสี่ยงไปยังพอร์ตการลงทุนด้วยหุ้นชื่อดังอย่าง Alphabet, Boeing, McDonald's และ Nike
ความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการด้วยสเปรดต่ำและคงที่ การดำเนินการคำสั่งซื้อขายทันที และคุณสมบัติในการปกป้องที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ Exness เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นเทรดหุ้นและกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่ไว้วางใจได้ในการเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลก สัมผัสข้อดีของการเทรดหุ้นไปกับ Exness โดยทดสอบทักษะของคุณแบบไม่มีความเสี่ยงได้ในบัญชีทดลอง
แชร์
เริ่มเทรดเลย
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ